Meta ยอมรับ “ขยับงบจาก Metaverse ไป AI Glasses” แต่ VR ยังไม่ตาย… แค่ไม่ใช่พระเอกอีกต่อไป

Meta เริ่มยอมรับความจริงเชิงธุรกิจว่า Metaverse โตไม่ทันฝัน
ในขณะที่ AI Glasses กลายเป็นสินค้าที่ “ขายได้จริง” และตลาดตอบรับชัดเจน

Meta ยืนยัน ลดน้ำหนัก Metaverse เพิ่มเดิมพัน AI Glasses

Meta ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่า
กำลัง “ขยับงบลงทุนบางส่วนจาก Metaverse ไปยัง AI Glasses และ Wearables”
หลังมีรายงานจาก Bloomberg ว่า Reality Labs อาจโดนลดงบสูงสุดถึง 30%

Reality Labs คือหน่วยงานที่ดูแลทุกอย่างตั้งแต่

• ชุดเฮดเซต Quest
• Horizon Worlds
• แว่นอัจฉริยะ Ray-Ban Meta
• ไปจนถึงเทคโนโลยีอนาคตอย่าง Codec Avatars และ AR แท้จริง

คำชี้แจงจาก Meta ระบุชัดว่า

“เรากำลังขยับงบลงทุนบางส่วนจาก Metaverse ไปยัง AI Glasses และ Wearables ตาม momentum ของตลาด แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่กว่านั้น”

พูดง่าย ๆ คือ ไม่เลิก VR แต่ไม่ทุ่มเหมือนเดิม

---

ใครโดนหนักสุด? Horizon Worlds

รายงานจาก Business Insider และ The New York Times ชี้ตรงกันว่า
Horizon Worlds คือเป้าหมายหลักของการตัดงบ

• งบสนับสนุนสตูดิโอ third-party อาจถูกตัด
• มีความไม่แน่นอนเรื่องการเลย์ออฟ
• จำนวนผู้ใช้งานยังต่ำมาก เมื่อเทียบกับเป้าหมาย “Roblox / Fortnite เวอร์ชัน Meta”

แม้ Meta จะอัดเงินจัดแข่ง creator หลายล้านดอลลาร์
แต่ traction ก็ยังไม่มา

---

Quest 3S ขายดี… แต่เป็นแค่ของขวัญวันหยุด

Q4 ปี พ.ศ. 2567 Quest 3S ทำสถิติรายได้สูงสุดของ Reality Labs
เป็นคอนโซลขายดีที่สุดบน Amazon US ช่วงคริสต์มาส

แต่ปัญหาคือ…

• Q1–Q2 ปี พ.ศ. 2568 ยอดขาย Quest ลดลง YoY
• Quest 3S เป็น “stocking stuffer” มากกว่า “สินค้าระยะยาว”
• Q3 ฟื้นเพราะร้านค้าตุนของ ไม่ใช่ demand จริง

สรุปคือ Quest ยังไม่ใช่แพลตฟอร์มที่ผู้ใช้กลับมาใช้งานต่อเนื่อง

---

ในขณะที่ AI Glasses “ขายได้จริง”

ฝั่งตรงข้ามคือ Ray-Ban Meta Glasses

• ขายไปแล้ว 2 ล้านชิ้น (ต้นปี พ.ศ. 2568)
• ยอดขาย โตมากกว่า 3 เท่า YoY
• กลายเป็นมากกว่า 1 ใน 3 ของการเติบโตของบริษัท
• Meta เพิ่มกำลังผลิตเป็น 10 ล้านชิ้น/ปี ภายใน พ.ศ. 2569 และเร่งให้เร็วขึ้นอีก

ตรงนี้คือคำตอบเชิงธุรกิจล้วน ๆ
ของที่คนใส่ทุกวัน > ของที่ต้องมีเวลา มีพื้นที่ มีแรงจูงใจ

---

CTO Meta โต้ข่าว “VR ตายแล้ว”

Andrew Bosworth (Boz) CTO ของ Meta ออกมาตอบตรง ๆ ว่า

“VR ไม่ได้ตาย เราลงทุนใน VR, แว่น, และ AI พร้อมกันได้”

แต่ปัญหาคือ…
คำพูดนี้ ขัดกับเมโมภายในของเขาเอง เมื่อปีที่แล้ว ที่บอกว่า

ปี 2025 จะตัดสินว่า Reality Labs คือ ‘ผลงานของนักวิสัยทัศน์’
หรือ ‘ตำนานความล้มเหลว’

และเขายังย้ำว่า

“Horizon Worlds บนมือถือ ต้อง breakout ไม่งั้นแผนระยะยาวไม่มีทางรอด”

ซึ่งวันนี้… มันไม่ breakout

---

เสียงจากคอมมูนิตี้: ปัญหาไม่ใช่ VR แต่คือการบริหาร

คอมมูนิตี้สาย VR วิจารณ์ตรงกันหลายประเด็น:

• Horizon Worlds ทำลายภาพลักษณ์ Quest
• OS เต็มไปด้วยบั๊ก, QA พัง, rollback ซ้ำซาก
• VR ถูกทำให้ดูเป็น “ของเด็ก”
• เกมคุณภาพจริงถูกกลบด้วยคอนเทนต์ AI คุณภาพต่ำ
• ไม่มีการวางแผน retention ของผู้ใช้ที่ “พร้อมจ่าย”

หลายคนมองว่า
Meta พยายามสร้าง Roblox ของตัวเอง ด้วย mindset แบบ zero-sum
ซึ่งมีโอกาสสำเร็จน้อยมาก แต่กลับเอาแบรนด์ทั้งหมดไปเสี่ยง

---

บทสรุปแบบไม่อ้อมค้อม

• VR ไม่ได้ตาย
• แต่ VR ไม่ใช่แกนธุรกิจหลักของ Meta อีกต่อไป
• Metaverse โตช้ากว่าที่ Meta ฝัน
• Wearables มี friction ต่ำกว่า และรายได้ชัดกว่า
• Meta เลือก “ชะลอ VR ให้เป็น niche” รอเทคโนโลยีพร้อมจริง
• แล้วทุ่มแรงไป AI Glasses ที่ตลาดตอบรับแล้ว

พูดให้ชัด
งานปาร์ตี้ Metaverse จบแล้ว แต่เกมยังไม่จบ
และคนที่ต้องพิสูจน์ตัวเองหนักที่สุดตอนนี้… ไม่ใช่ VR
แต่คือ การตัดสินใจของ Meta เอง

ที่มา
https://www.uploadvr.com/meta-confirms

https://www.uploadvr.com/meta-cto-responds