DeoVR ชี้ “วิดีโอจะไม่ใช่แค่ดู แต่ต้องเข้าไปอยู่ข้างใน” FBEC 2025 เปิดภาพอนาคตสื่อ Immersive
1 min read
DeoVR ชี้ “วิดีโอจะไม่ใช่แค่ดู แต่ต้องเข้าไปอยู่ข้างใน” FBEC 2025 เปิดภาพอนาคตสื่อ Immersive
โลกของวิดีโอ Immersive กำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยน
ไม่ใช่แค่จาก “จอแบน” สู่ “โลกเสมือน”
แต่จาก ประสบการณ์เดี่ยว → สู่ประสบการณ์ร่วมแบบ Multi-User
งาน FBEC 2025 (Future Business Ecosystem Linkage Conference) และพิธี Golden Gyro Awards ครั้งที่ 10 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568 ณ Renaissance Shenzhen Bay Hotel เมืองเซินเจิ้น ภายใต้ธีม
“Simplicity is the Ultimate Wisdom”
ซึ่งมุ่งสำรวจอนาคตของอุตสาหกรรมเกม, XR, AI และ e-sports
เวที AI Glasses & Spatial Computing: เมื่อวิดีโอเปลี่ยนบทบาท
หนึ่งในเวทีสำคัญของงานคือ
2025 Global AI Glasses Technology Industry Trends Forum
ซึ่งมีปาฐกถาหลักจาก Ivan Varko
ซีอีโอของแพลตฟอร์มวิดีโอ VR ระดับโลกอย่าง DeoVR
ในหัวข้อ “Building a Global VR Video Content Ecosystem”

Ivan เปิดมุมมองชัดเจนว่า
ประสบการณ์ Immersive ไม่ควรถูกจำกัดอยู่แค่การมองจอ
แต่ต้องเป็นการ “ก้าวเข้าไปอยู่ในฉาก” และมีส่วนร่วมกับสิ่งที่เกิดขึ้น
จาก “ดูผ่านกรอบ” สู่การ “เข้าไปอยู่ในฉาก”
Ivan เปิดมุมมองว่า การดูวิดีโอแบบเดิมคือ Framed Viewing
ผู้ชมเป็นเพียงคนนั่งมองเหตุการณ์ผ่านกรอบหน้าจอ
แต่ Spatial Computing จะเปลี่ยนสิ่งนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
ผู้ชมไม่ได้แค่ “เห็น” แต่ มีตัวตนอยู่ในพื้นที่เดียวกับคอนเทนต์
นี่คือรากฐานของ Immersive Experience
และเป็นเหตุผลว่าทำไมวิดีโอ VR จึงไม่ควรถูกมองเป็นเพียง “วิดีโอ 360°”
DeoVR กับภาพจริงของพฤติกรรมผู้ใช้ VR
DeoVR เปิดเผยข้อมูลจากการใช้งานจริงว่า
- มียอดติดตั้งบนแพลตฟอร์ม Quest กว่า 3 ล้านครั้ง
- แม้หลายคนจะมองว่า VR คืออุปกรณ์สำหรับเล่นเกม
แต่ข้อมูลจริงกลับพบว่า YouTube คือแอพที่ถูกใช้งานมากที่สุดบน Quest
DeoVR สามารถขึ้นมาอยู่ อันดับ 4 ของแอพกลุ่ม Non-Gaming
สะท้อนว่าวิดีโอ Immersive กำลังกลายเป็น Use Case หลักของ VR
วิดีโอ VR ไม่จำกัดแค่ 180° หรือ 360°
ปัจจุบัน DeoVR รองรับคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ได้แก่
- 6DoF Native Content
- Volumetric Video
- ภาพนิ่ง
- และวิดีโอแบบดั้งเดิม
คอนเทนต์ทั้งหมดสามารถอัปโหลดขึ้นแพลตฟอร์ม
และเล่นได้บนชุดเฮดเซตหลายรุ่นอย่างราบรื่น
Ivan ยกตัวอย่างว่า เมื่อรับชมวิดีโอ VR
ผู้ชมจะรู้สึกราวกับ “เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เดียวกับตัวละคร”
มุมมองที่เปลี่ยนไปทำให้เกิด Presence และ Participation
ซึ่งเป็นหัวใจของ Immersive Content



Multi-User: แก่นแท้ของวิดีโอ VR ยุคใหม่
นี่คือจุดที่ Ivan เน้นย้ำอย่างชัดเจนที่สุด

วิดีโอในอนาคต จะไม่ใช่ประสบการณ์ของคนคนเดียว
DeoVR กำลังพัฒนาโครงสร้าง Multi-User Video Experience
ที่ผู้ใช้สามารถ
- ดูวิดีโอพร้อมกัน
- พูดคุย แลกเปลี่ยนอารมณ์
- อยู่ใน “พื้นที่เดียวกัน” แม้จะอยู่กันคนละประเทศ
จะมีทั้ง
- Public Rooms สำหรับผู้ชมทั่วไป
- และ Friend Rooms สำหรับเพื่อนหรือกลุ่มเฉพาะ
Ivan ชี้ว่า ตลาดจีนจะตอบรับ Multi-User ได้อย่างรุนแรง
เพราะพฤติกรรมผู้ใช้ให้คุณค่ากับการรับชมและใช้เวลาร่วมกัน
เมื่อทุกคนดูสิ่งเดียวกัน “การเชื่อมโยง” จะเกิดขึ้น
Ivan อธิบายว่า
การที่หลายคนรับชมวิดีโอเดียวกัน คือรากฐานของความรู้สึกร่วม (Resonance)
DeoVR กำลังพัฒนา Multi-User โดยยกตัวอย่างเดโม
จากฟีเจอร์ Spatial FaceTime ของ Apple Vision Pro
เพื่อชี้ให้เห็นว่า VR กำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ
Social + Immersive อย่างแท้จริง
กล้อง, Voice และ Haptic: ตัวเร่ง Multi-User Experience
ชุดเฮดเซตรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น AI Glasses หรือ Meta Quest
ต่างมีกล้องที่รองรับการถ่ายแบบ POV
ทำให้การบันทึกชีวิตประจำวันแบบ Immersive เป็นเรื่องปกติในอนาคต
DeoVR ยังรองรับ
- Voice Control แบบ Native
- การผสาน Haptic และ Simulator
ทั้งหมดนี้ทำให้ Multi-User ไม่ใช่แค่ “เห็นกัน”
แต่ รับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน

วิดีโออนาคต: ไม่เป็นเส้นตรง และเลือกได้เอง
ทิศทางถัดไปของ DeoVR คือ
วิดีโอที่ไม่จำเป็นต้องเล่นจากต้นจนจบแบบเส้นตรง
ผู้ชมสามารถ
- เลือกมุมมอง
- เลือกเส้นเรื่อง
- โต้ตอบกับเหตุการณ์ในวิดีโอ
- และชวนเพื่อนมาร่วมประสบการณ์เดียวกัน
แม้รับชมบนมือถือ ก็สามารถเปลี่ยนวิดีโอให้กลายเป็นประสบการณ์ Interactive ได้ทันที
บทสรุป
วิสัยทัศน์ของ Ivan Varko ชี้ชัดว่า
VR ไม่ได้มาแทนวิดีโอเดิม แต่กำลังนิยามคำว่า “การดู” ใหม่ทั้งหมด
จากจอ → สู่พื้นที่
จากผู้ชม → สู่ผู้มีส่วนร่วม
จากการดูคนเดียว → สู่การเชื่อมโยงผู้คน
โลกของ Immersive Content เพิ่งเริ่มต้น และ DeoVR กำลังวางรากฐานของมันอย่างจริงจัง
ที่มา
vrtuoluo