อดีตทีม Magic Leap เปิดตัว “Trace” แพลตฟอร์มสร้าง AR แบบ No-code หวังเป็น ‘Canva ของโลก AR’
1 min read
อดีตทีม Magic Leap เปิดตัว “Trace” แพลตฟอร์มสร้าง AR แบบ No-code หวังเป็น ‘Canva ของโลก AR’
เปิดให้ใช้งานฟรีบน iPhone และ iPad พร้อมข้อเสนอพิเศษ 3 เดือน สำหรับผู้ใช้ Adobe Aero และ Spark AR เดิม
Trace สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยอดีตวิศวกรของ Magic Leap ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มสร้างคอนเทนต์ Augmented Reality แบบไม่ต้องเขียนโค้ด (No-code) ที่ตั้งเป้าเป็น “Canva แห่งวงการ AR” ซึ่งเปิดโอกาสให้ทั้งแบรนด์ระดับโลกและครีเอเตอร์อิสระสามารถออกแบบและเผยแพร่คอนเทนต์ AR แบบอินเทอร์แอคทีฟได้ง่ายบนสมาร์ทโฟน ชุดเฮดเซต และแว่นตา AR โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานการออกแบบหรือการเขียนโปรแกรม
Trace เปิดตัวในจังหวะที่ตลาด AR ขาดผู้นำชัดเจน หลังจาก Adobe ประกาศยุติแพลตฟอร์ม Aero AR และ Meta ปิด Spark AR ไปเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) ทาง Trace จึงใช้โอกาสนี้มอบสิทธิ์ใช้งาน แผนพรีเมียมฟรี 3 เดือน ให้กับผู้ใช้เดิมของสองแพลตฟอร์มดังกล่าวที่ย้ายเข้ามาใช้งาน Trace
มาร์ติน สมิธ (Martin Smith) CTO และผู้ร่วมก่อตั้งของ Trace กล่าวว่า
“แม้ว่าอุปกรณ์ XR จะพัฒนาเร็วขึ้น แต่ระบบนิเวศของผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ยังจำกัดมาก การเปิดโอกาสให้ทุกคนสร้างและแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาจินตนาการไว้ได้คือหัวใจของ AR ที่แท้จริง Trace ทำงานได้ทุกที่ ปรับขนาดได้ทันที และรองรับคุณภาพระดับสูงที่ AR สมควรได้รับ”
Trace ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2564 และได้รับความร่วมมือจากองค์กรระดับโลกอย่าง ESPN, T-Mobile, Qualcomm, Telefónica, Lenovo และ Deutsche Telekom ที่นำแพลตฟอร์มนี้ไปใช้ในงานการตลาด การฝึกอบรมพนักงาน และนิทรรศการ เช่น Mobile World Congress และ Hip Hop 50 Summit
แพลตฟอร์ม Trace เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีบน App Store สำหรับ iPhone และ iPad โดยมีแผนพรีเมียมเริ่มต้นที่ 20 ดอลลาร์ (ประมาณ 740 บาท) ต่อเดือน ส่วนผลงานที่สร้างสามารถรับชมผ่านแอพ Trace Viewer ที่มีให้โหลดฟรีทั้งบน App Store และ Google Play และยังสามารถอัปโหลดโมเดล 3 มิติได้จาก Web Studio ที่เว็บไซต์ studio.trace3d.app
มุมมองของ MaidevXR
กลยุทธ์ของ Trace ถือว่ามาได้จังหวะมาก เพราะทั้ง Meta และ Adobe หยุดโฟกัสด้าน AR ไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากแว่น AR แบบใส่ได้ทั้งวันยังอยู่ในช่วงพัฒนา แต่ตลาด AR เชิงธุรกิจ (Enterprise AR) บนมือถือและชุดเฮดเซตอย่าง Apple Vision Pro หรือ Quest 3 ยังมีศักยภาพสูง การมีเครื่องมือแบบ No-code จะช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ สร้างประสบการณ์ AR ได้รวดเร็วและเข้าถึงผู้ชมเฉพาะกลุ่มได้มากขึ้น
การดึงผู้ใช้เดิมจาก Aero และ Spark AR ถือเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาด เพราะทำให้ Trace ได้ฐานผู้ใช้ระดับมืออาชีพตั้งแต่วันแรก แต่ความท้าทายระยะยาวจะอยู่ที่การรักษากระแสจนถึงวันที่แว่น AR กลายเป็นอุปกรณ์ใช้งานประจำวันจริง ๆ รวมถึงการแข่งขันจากแพลตฟอร์มใหญ่ที่อาจเปิดตัวเครื่องมือ AR แบบง่ายในอนาคต
อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของทีมที่มาจาก Magic Leap ซึ่งเคยพลาดจากตลาดผู้บริโภคและต้องหันไปสู่ตลาดองค์กรในภายหลัง ดูเหมือน Trace จะเลือกเส้นทางที่ถูกต้องตั้งแต่ต้น — มุ่งเน้นไปที่ ตลาดองค์กรและแบรนด์ ที่ต้องการคุณภาพสูงและความง่ายในการใช้งาน มากกว่าผู้ใช้ทั่วไปที่ยังไม่พร้อมสำหรับ AR เต็มรูปแบบในตอนนี้ครับ
ที่มา
roadtovr