Maidev XR

MaidevXR เว็บบล็อก เกี่ยวกับเรื่อง XR – MR – AR – VR – AI – IT ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ เกม และ เทคโนโลยี

Xiaomi AI Glasses แฟชั่นล้ำหรือแค่ลูกเล่น? แว่นอัจฉริยะจากเสี่ยวหมี่พลิกเกมศึก “ร้อยแว่น” ได้จริงหรือ? ลนส์เปลี่ยนสีไว ฟีเจอร์ AI เพียบ แบตอึดเหนือคู่แข่ง แต่จะครองใจคนทั่วไปได้ไหม หรือเหมาะแค่แฟนพันธุ์แท้ Xiaomi?

Xiaomi AI Glasses แฟชั่นล้ำหรือแค่ลูกเล่น? แว่นอัจฉริยะจากเสี่ยวหมี่พลิกเกมศึก “ร้อยแว่น” ได้จริงหรือ? ลนส์เปลี่ยนสีไว ฟีเจอร์ AI เพียบ แบตอึดเหนือคู่แข่ง แต่จะครองใจคนทั่วไปได้ไหม หรือเหมาะแค่แฟนพันธุ์แท้ Xiaomi?

Xiaomi AI Glasses แฟชั่นล้ำหรือแค่ลูกเล่น? แว่นอัจฉริยะจากเสี่ยวหมี่พลิกเกมศึก “ร้อยแว่น” ได้จริงหรือ? ลนส์เปลี่ยนสีไว ฟีเจอร์ AI เพียบ แบตอึดเหนือคู่แข่ง แต่จะครองใจคนทั่วไปได้ไหม หรือเหมาะแค่แฟนพันธุ์แท้ Xiaomi?

มากกว่าแฟชั่น แต่คือหมากสำคัญบนกระดาน Ecosystem ของ Xiaomi

เมื่อปลายเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา Xiaomi เปิดตัว Xiaomi AI Glasses อย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศว่าเป็น “อุปกรณ์สมาร์ตส่วนบุคคลสำหรับยุคถัดไป” ถึงแม้ Lei Jun ซีอีโอใหญ่จะเคยบอกว่า จะโฟกัสไปที่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า และจะไม่ขึ้นพูดบนเวทีเปิดตัวมือถืออีก แต่สุดท้าย Lei Jun ก็โผล่มาเปิดงานเองอยู่ดี แสดงให้เห็นว่าแว่นรุ่นนี้มีน้ำหนักในเชิงกลยุทธ์กับบริษัทไม่น้อย

กระแสตอบรับก็แรงจริง รุ่น Electrochromic หรือเลนส์เปลี่ยนสี ขายหมดเกลี้ยงบน JD.com ในเวลาเพียง 3 นาทีแรก ยอดขายพุ่งเกิน 10,000 ชิ้นภายใน 12 ชั่วโมงแรก และร้าน Xiaomi ในย่านสำคัญของเซินเจิ้น เช่น Nanshan, Futian, Luohu ก็ถูกจองเต็ม ต้องไปหาซื้อจากสาขารอบนอกหรือรอของล็อตถัดไป

แล้ว Xiaomi ใส่อะไรมาในแว่นอัจฉริยะรุ่นแรกของค่ายกันแน่? เรามาเจาะลึกกันครับ


Lei Jun ยืนยันความมั่นใจ ไลฟ์โชว์แว่นเอง พร้อมกระแสเพื่อนแห่ขอลอง

หลังจากการเปิดตัวเพียง 3 เดือน Lei Jun ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอของ Xiaomi ได้กลับมาขึ้นเวทีออนไลน์อีกครั้งใน วันที่ 2 กรกฎาคม เวลา 20.00 น. โดยจัด ไลฟ์สดผ่าน Xiaomi AI Glasses เป็นครั้งแรก ก่อนจะตอบคำถามแฟน ๆ เกี่ยวกับ Xiaomi Motor YU7 ในช่วงครึ่งหลังของไลฟ์

ในช่วงต้นของไลฟ์ Lei Jun ได้พูดถึง Xiaomi AI Glasses อย่างละเอียด พร้อม โชว์ภาพจากกล้องมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First-Person View) ของแว่นให้ดูกันสด ๆ

Lei Jun เผยว่า:

“Xiaomi AI Glasses มีฟังก์ชันการใช้งานหลายอย่างมากครับ สิ่งที่ผมใช้บ่อยที่สุดคือ ลำโพงแบบ Open Ear โดยเฉพาะเวลาประชุมสายหรือฟังเพลง นอกจากนี้ยังมีกล้องมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และสามารถเชื่อมต่อกับ Super Xiao Ai เพื่อทำสิ่งต่าง ๆ ได้อีกมากมาย แว่น Xiaomi AI Glasses จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากครับ หลังจากที่เราเปิดตัวแว่นรุ่นนี้ เพื่อน ๆ ของผมหลายคนก็อยากซื้อไปลองใช้กันเลยทีเดียว”

Lei Jun ยังเสริมอีกว่า ทีมวิศวกรของ Xiaomi ให้ความสำคัญกับการออกแบบแว่นให้เหมาะกับผู้ใช้ชาวเอเชียโดยเฉพาะ:

“ตอนเราออกแบบแว่นรุ่นนี้ เราเน้นปรับให้เหมาะกับโครงหน้าของคนเอเชีย จะไม่บีบขมับหรือรัดศีรษะ น้ำหนักก็เบามาก แค่ประมาณ 40 กรัม ใส่ได้ทั้งวันโดยไม่อึดอัดครับ”

สำหรับประเด็น รุ่น Electrochromic ที่ขายหมดอย่างรวดเร็ว พิธีกรในไลฟ์ก็ออกมาชี้แจงว่า ทาง Xiaomi กำลังเร่งผลิตเพื่อเติมสต็อกอย่างเต็มที่ เพื่อรองรับความต้องการที่สูงกว่าที่คาดไว้


ดีไซน์และฮาร์ดแวร์: “ไม่มีดีไซน์ คือ ดีไซน์ที่ดีที่สุด”?

Xiaomi AI Glasses ออกมา 5 รุ่นย่อย (SKU) โดยรุ่นมาตรฐานราคา 1,999 หยวน (ประมาณ 9,800 บาท) มีสีให้เลือกคือ ดำ น้ำตาล และเขียว ส่วนรุ่น Electrochromic ที่เปลี่ยนสีเลนส์ได้ แยกเป็นแบบโมโนโครมและแบบสี ราคา 2,699 หยวน (ประมาณ 13,250 บาท) และ 2,999 หยวน (ประมาณ 14,700 บาท) ตามลำดับ แต่จะมีแค่สีดำเท่านั้น

รุ่นที่ผมทดสอบคือ รุ่นเปลี่ยนสี (Color Electrochromic) พอเห็นครั้งแรกก็อดนึกถึงสโลแกนของ Xiaomi ในยุคแรกไม่ได้ — “ไม่มีดีไซน์ คือ ดีไซน์ที่ดีที่สุด” ดีไซน์ของแว่นถือว่าธรรมดามาก ไม่มีจุดเด่นสะดุดตา แต่ก็ไม่ถึงกับขี้เหร่

ถ้าเอาไปเทียบกับ Ray-Ban Meta ที่ผมใช้อยู่ ตัว Xiaomi ให้ความรู้สึกเบากว่า (หนักเพียง 47.5 กรัม) แต่เรื่องงานประกอบและวัสดุยังดู “บาง” กว่า เช่น ขาแว่นที่บิดงอได้ง่าย หรือบานพับที่รู้สึกหลวมไปนิด อย่างไรก็ตาม น้ำหนักเบาทำให้ใส่สบายขึ้นมาก

จุดเด่นด้านดีไซน์:

  • ไฟบอกสถานะ: ซ่อนอยู่ด้านในขาแว่น เมื่อมีการถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอจะมีไฟติดขึ้นมา แจ้งเตือนผู้ใส่ว่าแว่นกำลังทำงาน ถือว่าละเอียดและใส่ใจความเป็นส่วนตัวมาก
  • พอร์ต USB-C: อยู่ใต้ขาขวา ชาร์จได้ระหว่างสวมใส่ แต่ข้อเสียคือทำลายความเนียนของดีไซน์ และไม่มีเคสชาร์จเฉพาะแบบ Ray-Ban Meta
  • แถบสัมผัส (Touch Area): อยู่บนขาขวา ชัดเจนทั้งสัมผัสและสายตา แต่บางมุมอาจดูแปลกตาเพราะไม่เนียนไปกับขาแว่น

จุดจำกัดสำคัญที่พบคือ รุ่น Electrochromic ไม่สามารถตัดเลนส์สายตาได้ แถมความโปร่งแสงของเลนส์อยู่ที่ 18%-59% ซึ่งค่อนข้างทึบไปสำหรับการใช้งานในร่ม ถ้าอยากใส่ได้ทุกสถานการณ์ รุ่นมาตรฐานอาจเหมาะกว่า นอกจากนี้ สีเขียวที่ผมชอบก็มีแค่ในรุ่นมาตรฐานเท่านั้น

เรื่องไซส์ Xiaomi มีเพียงขนาดเดียวออกแบบให้เหมาะกับโครงหน้าคนเอเชีย หลายคนที่ผมให้ลองใส่ ชอบเพราะกรอบกว้างกว่า Ray-Ban Meta ไม่บีบขมับ แต่บางคนก็ว่าหลวมและใส่ไม่มั่นคง ดังนั้นใครจะซื้อ แนะนำให้ลองสวมจริงก่อนครับ


ฟีเจอร์และประสบการณ์ใช้งาน: ครบแต่บางอย่างยังต้องรออัพเดท

ในฐานะแบรนด์มือถือยักษ์ Xiaomi ทำการบ้านเรื่อง AI ในแว่นมาแน่นหนา โดยใส่ AI แบบมัลติโหมด (Multimodal AI) มาครบแทบทุกฟีเจอร์ที่แว่นอัจฉริยะควรมี เช่น:

  • ถ่ายภาพ/วิดีโอ
  • ฟังเพลง
  • รับสายโทรศัพท์
  • ผู้ช่วยเสียง (Voice Assistant)
  • ไลฟ์สด (รออัพเดท)
  • จ่ายเงิน (รออัพเดท)
  • แปลภาษาแบบ Real-time
  • ถอดความการประชุม
  • สั่งงานอุปกรณ์สมาร์ทโฮม

แม้บางฟีเจอร์จะยังไม่พร้อม เช่น ไลฟ์สดหรือจ่ายเงิน แต่ตัวแว่นก็ใช้งานได้เยอะมากในปัจจุบัน


เลนส์เปลี่ยนสี Electrochromic: ลูกเล่นเด็ดที่ทุกคนกรี๊ด

พระเอกของรุ่น Electrochromic คือ เลนส์เปลี่ยนสีได้ใน 0.2 วินาที สามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 4 สี (เทา ชมพู น้ำเงิน ม่วง) และปรับความทึบแสงได้ 18%-59%

การเปลี่ยนสีทำได้ทั้งสั่งเสียงหรือปัดนิ้วบนขาแว่น เร็วจริงตามที่เคลมไว้ คือแทบจะเปลี่ยนได้ “ทันที” ภายใน 0.2 วินาที ให้ฟีลเท่และล้ำสุด ๆ

แต่ก็มีข้อจำกัด:

  • เลนส์ Electrochromic ไม่รองรับเลนส์สายตา
  • ความโปร่งแสงต่ำ ใช้งานในที่ร่มอาจมืดไป
  • ราคาสูงกว่ารุ่นปกติถึงประมาณ 1,000 หยวน (~4,900 บาท)

แม้จะแพงกว่า Ray-Ban Meta และแว่น AR บางรุ่น แต่ยอดขายพุ่งภายในไม่กี่นาที แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยอมจ่ายเพื่อเทคโนโลยีแฟชั่นแบบนี้จริง ๆ


กล้อง: ความเร็วคือจุดเด่น คุณภาพพอใช้

ข้อดีของกล้องใน AI Glasses ไม่ได้อยู่ที่ความละเอียด แต่คือ ความเร็วและความสะดวก แค่แตะปุ่มก็ถ่ายได้ทันที โดย Xiaomi เคลมว่ากดปุ่มแล้วถ่ายได้ใน 0.8 วินาที เพราะระบบเตรียมกล้องรออยู่ก่อนแล้ว

สั่งถ่ายด้วยเสียงก็ได้ แต่ใช้เวลาราว 2 วินาที เพราะต้องผ่านการประมวลผลภาษาธรรมชาติ

สเปกกล้อง:

  • เซนเซอร์ Sony IMX681 CMOS
  • เลนส์ 1G+4P Ultra-clear
  • รูรับแสง f/2.2
  • มุมกว้าง 105°
  • วิดีโอ 2K/30fps
  • ระบบกันสั่น EIS

การใช้งานจริง:

  • ในที่แสงน้อย ภาพชัดพอใช้ รายละเอียดพอเห็น แต่สีและความคมยังไม่สุด
  • กลางแจ้ง ภาพสีสวย ธรรมชาติ แต่ความคมยังปานกลาง โดยเฉพาะฉากที่มีรายละเอียดซับซ้อน

สรุปคือ เหมาะกับการถ่ายแบบ Snap ชิล ๆ แต่ถ้าหวังภาพสวยคมกริบเหมือนมือถือเรือธง อาจยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ


AI และระบบสั่งงานด้วยเสียง: ดีพอตัว แต่ยังไม่ท็อปของวงการ

Xiaomi ใส่ โมเดล AI ขนาดใหญ่ (Large Language Model) ของตัวเองลงในแว่น แม้อาจยังสู้ระดับ GPT-4 หรือ Gemini ของ OpenAI/Google ไม่ได้ แต่สำหรับฟังก์ชันพื้นฐานของแว่น เช่น

  • การตอบคำถาม
  • ค้นหาข้อมูล
  • วิเคราะห์ภาพ

ถือว่าทำงานได้ดีทีเดียว

Xiaomi เพิ่มลูกเล่นให้ Xiao Ai พูดจาตลกหรือมีลูกเล่นมากขึ้น ทำให้รู้สึกเป็นมิตร แต่ก็ยังมีบางจังหวะที่เข้าใจคำสั่งซับซ้อนได้ไม่ดีนัก เช่น การเปลี่ยนสีเลนส์ด้วยเสียง

จากการทดสอบ แว่นตอบสนองภายใน 5 วินาที สำหรับคำสั่งทั่วไป และรองรับ บทสนทนาต่อเนื่อง (Continuous Conversation) พูด “เสี่ยวอ้าย” แค่ครั้งเดียวแล้วคุยต่อได้เลย

ฟีเจอร์ AI เพิ่มเติม เช่น:

  • แปลภาษาแบบ Real-time ได้ถึง 11 ภาษา (หน่วงราว 3 วินาที)
  • บันทึกแคลอรีด้วยเสียง และไปบันทึกในแอพสุขภาพ
  • ถอดความประชุมพร้อมสรุป

เสียง แบตเตอรี่ และ Ecosystem ที่ได้เปรียบ

แม้จะเป็นลำโพงแบบเปิด (Open Speaker) แต่เสียง Xiaomi AI Glasses เป็นส่วนตัวกว่าที่คิด ในที่ร่ม ถ้าเปิดเสียงแค่ 20% คนที่อยู่ห่างออกไปเพียง 20 ซม. ก็แทบไม่ได้ยิน

แบตเตอรี่คือจุดแข็งสุด ๆ:

  • ใช้งานปกติได้สูงสุด 8.6 ชั่วโมง
  • ใช้งานหนัก เช่น AI หรือเพลง เหลือราว 2 ชั่วโมง
  • ชาร์จไวได้ถึง 30% ใน 8 นาที

ซึ่งถือว่า เหนือกว่า Ray-Ban Meta ที่ใช้งานได้ราว 4 ชั่วโมงมาก ๆ

แต่ถ้าเป็นผู้ใช้ iPhone อาจต้องคิดหนัก เพราะ:

  • บนมือถือ Xiaomi แว่นสั่งงานระบบได้ลึก เช่น ตั้งนาฬิกาปลุก
  • บน iPhone หลายอย่างยังทำไม่ได้ หรือทำได้แต่ต้องสั่งซับซ้อน
  • ฟีเจอร์อย่างวิดีโอคอลหรือไลฟ์สด ยังรองรับเฉพาะมือถือ Xiaomi

ยังพบปัญหาการเชื่อมต่อกับ iPhone บางครั้ง เช่น เชื่อม Bluetooth ได้ แต่แอพ Xiaomi AI Glasses ยังขึ้นว่า “กำลังค้นหาแว่น” และฟีเจอร์ AI ใช้ไม่ได้ ต้องลบแล้วเชื่อมใหม่หลายครั้ง แถมบางครั้งแว่นยัง ส่งเสียงประหลาด “จี๊ด ๆ” เหมือน Xiao Ai ค้างอีกด้วย โชคดีที่รีเซตใหม่แล้วหายครับ


สรุป: เริ่มต้นได้สวย แต่ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ

Xiaomi AI Glasses เป็นก้าวแรกที่น่าจับตาของ Xiaomi ในตลาดแว่นอัจฉริยะ บนกระดาษ แว่นรุ่นนี้ชนะคู่แข่งหลายเรื่อง เช่น แบตเตอรี่ที่อึดมาก และฟีเจอร์ Electrochromic สุดล้ำ

แต่ก็ยังมีข้อด้อย:

  • งานประกอบยังไม่พรีเมียมเท่าคู่แข่ง
  • คุณภาพกล้องยังปานกลาง
  • ปัญหาการใช้งานกับ iPhone เยอะ
  • ฟีเจอร์บางอย่างยังต้องรออัพเดท

สำหรับคนที่ใช้ Ecosystem Xiaomi อยู่แล้ว แว่นรุ่นนี้ถือว่าเป็น ตัวเลือกที่ดีที่สุดในจีนตอนนี้ แต่ถ้าใครอยากเอาไปใช้กับ iPhone หรืออยากได้ความพรีเมียมระดับ Ray-Ban Meta อาจต้องรอดู OTA อัพเดท หรือรุ่นถัดไป

ในศึก “ร้อยแว่น” Xiaomi ไม่ได้เป็นแค่ผู้สังเกตการณ์อีกต่อไป — แต่เป็นผู้เล่นที่น่ากลัวทีเดียวครับ


สรุปสั้น ๆ:

Xiaomi AI Glasses คือแว่นอัจฉริยะที่เต็มไปด้วยลูกเล่นล้ำ แบตอึด ฟีเจอร์เยอะ แต่ยังเหมาะกับแฟน Xiaomi มากกว่าคนทั่วไปที่อยากได้ความเสถียรแบบไร้ปัญหา



ที่มา
https://vrtuoluo.cn/543059.html
https://vrtuoluo.cn/543092.html