Maidev XR

MaidevXR เว็บบล็อก เกี่ยวกับเรื่อง XR – MR – AR – VR – AI – IT ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ เกม และ เทคโนโลยี

Meta เปลี่ยนระบบขอบเขต VR บน Quest แบบใหม่ แต่กลับเสี่ยงอันตรายมากกว่าเดิม ลดความยุ่งยาก แต่แลกมาด้วยความปลอดภัยที่หายไป โดยไม่มีเซ็นเซอร์แบบ Apple Vision Pro มาช่วย

Meta เปลี่ยนระบบขอบเขต VR บน Quest แบบใหม่ แต่กลับเสี่ยงอันตรายมากกว่าเดิม ลดความยุ่งยาก แต่แลกมาด้วยความปลอดภัยที่หายไป โดยไม่มีเซ็นเซอร์แบบ Apple Vision Pro มาช่วย

Meta เปลี่ยนระบบขอบเขต VR บน Quest แบบใหม่ แต่กลับเสี่ยงอันตรายมากกว่าเดิม ลดความยุ่งยาก แต่แลกมาด้วยความปลอดภัยที่หายไป โดยไม่มีเซ็นเซอร์แบบ Apple Vision Pro มาช่วย

หลังจากเปลี่ยนระบบขอบเขต (Boundary) บนชุดเฮดเซต Meta Quest ทั้งรุ่น 3 และ 3S ความสะดวกในการเข้า VR เพิ่มขึ้น แต่กลับมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแบบน่ากังวล โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้มือใหม่

จุดเปลี่ยนที่อาจเป็นจุดพลาด

ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา Meta ได้ทยอยปรับระบบขอบเขตของ Quest ใหม่หมด โดยตั้งใจให้ผู้ใช้เข้าสู่โลก VR ได้เร็วขึ้น ไม่ต้องตั้งค่าทุกครั้งเหมือนแต่ก่อน แต่การเปลี่ยนแปลงนี้กลับเป็น “การถอยหลังด้านความปลอดภัย” อย่างน่าเป็นห่วง

ระบบเก่า (ก่อนเปลี่ยน)

  • เมื่อเปิดชุดเฮดเซต จะเริ่มจากโหมด passthrough (เห็นภาพรอบตัวจริง)
  • หากยังไม่มีขอบเขต ระบบจะสแกนพื้นเพื่อแนะนำ “Roomscale boundary” หรือหากพื้นที่ไม่พอจะเสนอ “Stationary boundary”
  • เมื่อใกล้ขอบเขต จะมีตารางสีเตือน (Guardian Grid) ชัดเจน

ระบบใหม่ (หลังเปลี่ยน)

  • ไม่สแกนพื้น ไม่แจ้งเตือนอะไรทั้งสิ้น
  • จะกำหนด “Stationary boundary” ให้อัตโนมัติทันทีที่เข้าสู่ VR
  • ถ้าต้องการใช้ Roomscale ต้องเข้า Quick Settings ไปเปลี่ยนเอง
  • ที่แย่กว่านั้น: ไม่มีตารางสีเตือนอีกต่อไป แค่เปลี่ยนเป็น passthrough ทันทีเมื่อออกนอกขอบเขต ซึ่งเกิดขึ้น “ช้ากว่าเดิม” และปล่อยให้ผู้ใช้ “หลุด” ไปไกลกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว
“เมื่อระบบ Stationary boundary ถูกนำมาใช้ครั้งแรกกับ Oculus Quest รุ่นดั้งเดิม ขอบเขตแบบนี้จะแสดงเส้นตารางสี (colored grid) เมื่อผู้ใช้เข้าใกล้ขอบของพื้นที่ ก่อนที่จะเปลี่ยนภาพเป็นโหมด passthrough (เห็นภาพจากกล้องภายนอก). แต่ในปัจจุบัน ระบบจะตัดเข้าสู่ passthrough ก็ต่อเมื่อผู้ใช้ออกนอกขอบเขตไปอย่างสมบูรณ์เท่านั้น”

Meta สื่อสารคลุมเครือ

จากบันทึกอัพเดท Horizon OS v72 Meta แจ้งเพียงว่า:

“เมื่อเข้า VR จะได้รับ Stationary boundary อัตโนมัติ และจะใช้ Roomscale หากมีการตั้งไว้แล้ว”

แต่ในการทดสอบจริงกับ Quest หลายเครื่อง กลับไม่มีการแจ้งเตือนหรือเลือกขอบเขตใด ๆ ทั้งสิ้น


ปัญหาอยู่ที่ “Quest ไม่มี LiDAR” เหมือน Vision Pro

Apple Vision Pro ใช้ LiDAR ติดตัวตลอดเวลา ตรวจจับวัตถุจริงรอบตัวและค่อย ๆ แสดง passthrough ได้แม่นยำ
แต่ Quest ไม่มีเซ็นเซอร์แบบนั้น ใช้แค่การประมวลผลภาพด้วยกล้องซึ่งกินแบตและพลังประมวลผลสูง ทำให้แอพส่วนใหญ่ไม่รองรับ

นั่นหมายความว่า… Meta พยายามจะทำประสบการณ์แบบ “เข้า VR ได้ทันทีแบบไร้รอยต่อ” เหมือน Apple แต่ไม่มีเทคโนโลยีรองรับความปลอดภัยแบบเดียวกัน


สรุป: นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก

การตัดตารางสี Guardian ออก และใช้ Stationary boundary เป็นค่าเริ่มต้นโดยไม่มีเตือน ถือเป็นความเสี่ยงใหญ่ โดยเฉพาะกับผู้ใช้หน้าใหม่
Meta ควรพิจารณานำตารางสี Guardian กลับมา หรือใส่ตัววัดความลึกแบบฮาร์ดแวร์ เหมือนกับที่ ByteDance ทำใน PICO 4 Ultra

ในระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยโดยตรงแบบนี้ Meta ควรเลือก “ปลอดภัยไว้ก่อน” ไม่ใช่ “สะดวกไว้ก่อน”

มีคอมเมนต์บางส่วนจากผู้ใช้บนเว็บ Upload VR
🔧 ความสะดวกที่กลายเป็นปัญหา

จากเสียงผู้ใช้จริง:

  • มีผู้ใช้จำนวนมากบ่นว่า “ต้องตั้งค่าขอบเขตใหม่แทบทุกครั้ง” โดยเฉพาะเมื่อสลับแอพหรือเปลี่ยนตำแหน่งในห้อง ทำให้การใช้งานมี “แรงเสียดทานมากขึ้น” แทนที่จะน้อยลง
  • หลายคนพบว่าระบบเปลี่ยนจาก Roomscale เป็น Stationary โดยอัตโนมัติ โดยไม่มีการแจ้งเตือน ทำให้เผลอเดินเลยขอบเขตโดยไม่รู้ตัว

⚠️ ความปลอดภัยที่หายไป

  • เดิมทีเมื่อเข้าใกล้ขอบเขต จะมีกริดสีเตือนชัดเจน แต่ระบบใหม่นี้กลับปล่อยให้เรา “เดินหลุด” ไปไกลกว่าจะเข้าสู่ passthrough
  • บางคนเจอปัญหา boundary ขยับเอง เมื่อ “รีเซ็ตมุมมอง” ซึ่งอาจทำให้ขอบเขตใหม่ครอบพื้นที่ผิดจุดได้โดยไม่รู้ตัว – เสี่ยงอุบัติเหตุได้ง่ายมาก

🧠 ปัญหาที่น่าจะเป็นบั๊กหรือ UX ที่เปลี่ยนโดยไม่แจ้ง

หนึ่งในผู้ใช้ได้อธิบายอย่างชัดเจนว่า:

“Meta เคยใช้ flow ที่ Home เป็น Stationary แต่เมื่อเข้าแอพจะเปลี่ยนเป็น Roomscale อัตโนมัติ – แต่ใน v77+ ระบบนี้หายไป ทำให้ขอบเขตไม่เปลี่ยนแม้จะเข้าแอพใหม่”

“สิ่งที่ Meta ทำไม่ต่างจากพยายามเลียนแบบ Vision Pro ของ Apple แต่ไม่มี LiDAR หรือระบบตรวจจับความลึกจริงแบบเรียลไทม์มาเสริมความปลอดภัยเลย”

🪑 ขึ้นอยู่กับสไตล์การเล่น

  • ผู้เล่นที่ “นั่งเล่นเป็นหลัก” กลับชื่นชอบระบบใหม่นี้ เพราะไม่ต้องตั้งค่าทุกครั้ง
  • แต่ผู้ที่ “ยืนเล่น” หรือ “เล่นแบบ Roomscale” มองว่าเป็นการถอยหลังด้านความปลอดภัยชัดเจน
  • มีคนบอกตรง ๆ ว่า “ถ้าเจ็บตัวเพราะ VR ก็ไม่ควรเล่น VR” ซึ่งแม้จะจริงบางส่วน แต่ก็สะท้อนความไม่เข้าใจถึงความสำคัญของระบบ guardian ที่ควรช่วยป้องกันอุบัติเหตุ

📉 เสียงสะท้อนต่อ Meta: “Meta กำลังทำลาย VR ด้วยตัวเอง”

มีผู้ใช้เปรียบเทียบกับแนวคิดของ Valve ว่า:

“Valve ชอบทำช้าแต่ไม่ทำพัง ส่วน Meta เลือก ‘รีบทำ รีบพัง’ โดยไม่คำนึงถึงผู้ใช้จริง”

ขณะที่อีกคนแสดงความหงุดหงิดกับการที่ Meta ไม่เคยแก้ไขปัญหา การจำตำแหน่งขอบเขตในบ้านสองชั้น ที่เกิดมานานหลายปีแล้ว


🧠 ข้อเสนอจากผู้ใช้

  • บางคนเสนอว่า Meta ควรใช้ AI วิเคราะห์ passthrough จากกล้อง เพื่อช่วยตั้งค่าขอบเขตให้ง่ายและแม่นยำขึ้น เหมือนกับแนวทางที่ Apple ใช้
  • หรือควรนำกริดสีเดิมกลับมาแสดง เพื่อช่วยเตือนขอบเขตจริงในโลกเสมือน
  • หลายเสียงยังชี้ว่า “PICO OS ทำระบบนี้ได้ดีกว่า” เพราะมีการแยก Home กับแอพอย่างชัดเจน และไม่อนุญาตให้ใช้ Stationary ในแอพเลยเพื่อความปลอดภัย

🔚 สรุป: ความสะดวกต้องไม่แลกกับความปลอดภัย

Meta อาจพยายามลดขั้นตอนให้ผู้ใช้เข้าสู่โลก VR ได้ง่ายขึ้น แต่นั่นไม่ควรเกิดขึ้นบน “ต้นทุนของความปลอดภัย”
เมื่อระบบ boundary เป็นจุดตั้งต้นของประสบการณ์ VR – หากพลาดตรงนี้ ความเชื่อมั่นจากผู้ใช้ก็อาจหายไปอย่างถาวร

ที่มา
https://www.uploadvr.com/quest-new-boundary-system-is-a-dangerous-safety-regression/