Maidev XR

MaidevXR เว็บบล็อก เกี่ยวกับเรื่อง XR – MR – AR – VR – AI – IT ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ เกม และ เทคโนโลยี

Quest 3S Xbox Edition: VR ยังแพ้ Smart Glasses? Meta ปรับเกม ส่งชุดเฮดเซตสำหรับจอใหญ่ส่วนตัว แต่แว่นอัจฉริยะเบา สะดวก กำลังจะครองใจคนทำงาน!

Quest 3S Xbox Edition: VR ยังแพ้ Smart Glasses? Meta ปรับเกม ส่งชุดเฮดเซตสำหรับจอใหญ่ส่วนตัว แต่แว่นอัจฉริยะเบา สะดวก กำลังจะครองใจคนทำงาน!

Quest 3S Xbox Edition: VR ยังแพ้ Smart Glasses? Meta ปรับเกม ส่งชุดเฮดเซตสำหรับจอใหญ่ส่วนตัว แต่แว่นอัจฉริยะเบา สะดวก กำลังจะครองใจคนทำงาน!

เคยเชื่อกันว่า VR คืออนาคตของทุกอย่าง ตั้งแต่เกม ยันการทำงาน แต่ผ่านไปกว่า 12 ปี ตั้งแต่ Oculus Rift จุดกระแส VR ในปี พ.ศ. 2556 ถึงตอนนี้ กลับต้องยอมรับว่าความตื่นเต้นของ VR เริ่มหายไปในสายตาคนทั่วไป

เคยเห็น VR ดังเปรี๊ยง ทั้งในหมู่คนเล่นเกม คนที่อยากลองของใหม่ จนค่ายใหญ่เอามาโปรโมตว่าเป็นอนาคตของคอมพิวเตอร์ แต่สุดท้ายหลายคนก็เลิกสนใจ เพราะชุดเฮดเซตมันทั้งเทอะทะ ทั้งใส่นาน ๆ แล้วเมื่อย แถมไม่ได้กลายเป็นสิ่งที่คนอยากหยิบมาใช้ทุกวัน

VR ไม่ได้ตาย แค่ไม่แรงพอจะเป็นสินค้าหลักที่ทำให้คนยอมใส่อะไรใหญ่ ๆ บนหัวตลอดเวลา ถึงเทคโนโลยีจะยังมีประโยชน์หลายอย่าง แต่หลายค่ายรวมถึง Meta ก็เริ่มรู้ว่า โลกเสมือนจริงอาจเป็นของเล่นสนุก แต่ “จอเสมือน” ใช้ได้จริงและง่ายกว่ามาก


Quest 3S Xbox Edition ไม่ได้ขาย VR ล้วน ๆ

Quest 3S Xbox Edition เลยไม่ได้เน้นการเล่นเกม VR หรือ Mixed Reality ที่มีวัตถุ 3D โผล่รอบตัว แต่เน้นให้เป็น “จอใหญ่ส่วนตัว” เอาไว้เล่นเกม Xbox ต่างหาก

แค่ใส่ชุดเฮดเซต แล้วเหมือนมีจอใหญ่ลอยอยู่ตรงหน้า จะเลือกเห็นห้องจริงผ่านกล้อง หรืออยู่ในห้องเสมือนก็ได้ แต่สุดท้ายสิ่งที่โฟกัสคือ “จอ” ไม่ใช่บรรยากาศรอบตัว

จริง ๆ ฟีเจอร์จอเสมือนก็มีใน Quest รุ่นปกติอยู่แล้ว ผ่านแอพอย่าง Xbox Cloud Gaming หรือ Steam Link แต่ Xbox Edition รอบนี้ขายจุดนี้จริงจัง เพราะให้ Xbox Wireless Controller, Xbox Game Pass Ultimate อีก 3 เดือน และ Elite Strap มาด้วย ในราคาแพงกว่ารุ่นปกติ $100 (≈ 3,700 บาท)

มันไม่ใช่ว่า Meta ทิ้ง VR แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีคิด ให้ชุดเฮดเซตกลายเป็น “Personal XR Display” มากกว่าจะเป็นแค่เครื่องพาไปเที่ยวในโลกเสมือน ซึ่งนี่น่าจะเป็นทิศทางที่ใช่ของอุปกรณ์ที่ฉายภาพเข้าตาเรา


Smart Glasses: คู่แข่งที่กำลังแซงหน้า

Smart Glasses จริง ๆ ก็เป็นแนวคิดเดียวกับ VR คือเป็นจอที่ฉายภาพเข้าตา แต่ต่างกันที่ Smart Glasses น้ำหนักเบากว่าเยอะ ใส่-ถอดง่ายกว่า ไม่ปิดตาหมด แต่ยิงภาพขึ้นเลนส์ให้เห็นพร้อมกับสภาพรอบข้าง

ถึงจะมีข้อจำกัดอย่างมุมมองไม่กว้างเท่า VR แต่เรื่องความสะดวกนี่คนละเรื่อง แค่เสียบสายเข้ามือถือ โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเกม ก็เหมือนต่อจอนอกส่วนตัว ไม่ต้องกลัวแบตหมด หรือรับน้ำหนักหนัก ๆ บนหัว

ทุกวันนี้ Smart Glasses กลายเป็นอุปกรณ์ที่หลายคนหยิบมาใช้ทั้งทำงานและเล่นเกม อย่าง XReal One Pro รุ่นล่าสุดที่เพิ่งได้ Editors’ Choice ให้ภาพจอ ultrawide ความละเอียด 3,840×1,080 ใหญ่กว่าทีวี 65 นิ้วซะอีก ใช้ที่ไหนก็ได้ ถอดพักตาได้ทันที ไม่ต้องยุ่งกับสายรัดหรือความเทอะทะ


VR ยังสนุก แต่ไม่ใช่ทุกวัน

VR ยังมีเสน่ห์ในบางเรื่อง อย่างเกม Beat Saber, VRChat หรือ Ace Virtual Shooting Simulator เพราะความ immersive ที่จอธรรมดาให้ไม่ได้ อย่างเกม Ace ใช้คอนโทรลเลอร์ที่ขนาด น้ำหนัก และทรงเหมือนปืนจริง ช่วยฝึกการจับและเล็งให้เหมือนใช้อาวุธจริง ซึ่ง Smart Glasses ทำไม่ได้แน่นอน

แต่แม้จะ immersive แค่ไหน VR ก็ยังมีข้อจำกัดใหญ่ คือมันไม่สามารถทำให้รู้สึก “อยู่จริง” ได้เต็มที่ การควบคุมด้วยมือยังต้องถืออะไรอยู่ดี ถึงแม้จะมี Finger Tracking อย่าง Valve Index ก็ยังไม่สมบูรณ์ และระบบ Hand Tracking ยังไม่เนียนพอ นอกจากบน Apple Vision Pro ที่ล้ำกว่าใครตอนนี้

แถมการเคลื่อนที่ก็ยังจำกัด บางทีก็ต้องวาร์ป หรือไม่ก็ต้องพึ่งลู่วิ่ง 360 องศาราคาแพง ซึ่งก็ยังดูเทอะทะเกินไปสำหรับคนทั่วไป


สรุปง่าย ๆ:
✅ VR ยังสนุก แต่ไม่ใช่ของที่หยิบมาใช้ทุกวัน
✅ Smart Glasses เบา สบาย ใช้ง่าย กำลังจะครองใจทั้งสายทำงานและบันเทิง
✅ Meta เริ่มหันมาขาย “Personal Display” มากกว่าพาเข้าสู่โลกเสมือนเต็มรูปแบบ

อนาคตของอุปกรณ์สวมหัว อาจไม่ใช่การพาเราไปอยู่ในโลก VR แต่คือการเป็น “จอส่วนตัว” ที่ใช้งานได้ทุกที่จริง ๆ


ที่มา
pcmag